วันอังคารที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2553

สารบัญ

สารบัญ

๑ ภาระ พันธะ อิตถี

ลูกอ่อน

นิราศลูก

วัฒนธรรมแม่

น้ำตายโสธรา

๒ พื้นที่ สตรี สรีระ

นม

ผ้าคลุมผืนนั้น

ผ้าสีขาว

เพศที่สาม

๓ ผู้หญิงตะวันออก ผู้หญิงตะวันตก

จากส่าหรีถึงกี่เพ้า

อุปรากรอันนัม

ระบำ บำบวง บาราย บาหลี

Ì Ì Ì

จากวีนัสถึงมาดอนนา

มาดามดายเดียว

สาวปารีเซียน

๔ ผู้หญิงแห่งชาติพันธุ์

แม่ญิงลัวะ

แม่ญิงมอญ

แม่ญิงล้านนา

แม่ญิงยอง

๕ ผู้หญิงโลกเก่า ผู้หญิงโลกใหม่

จอมนางจามเทวี

ปัญจอัปสรา ดุริยางคกวี

นางแล้ง

Ì Ì Ì

คำสารภาพของสาวนิคม

ธิดาดอย

โคโยตี้

Ì Ì Ì

ลูกอ่อน

ลูกอ่อน


โคลงสี่สุภาพ


นอนเอนในโอบอ้อม     อิงแขน

แนบอกมารดาแสน        อุ่นเอื้อ

เปลสวรรค์มิอาจแทน     อ้อมกอด แม่นา

ลูกอุ่นเนื้อแนบเนื้อ         แม่นี้อนันตกาล


แม่จ๋าโปรดอุ้มลูก           กอดรัด

ตาซื่อรอสัมผัส               ตัดพ้อ

ดูหรือพูดไม่ชัด              ยิ้มฉีก

ปากเล็กส่งเสียงล้อ         เล่นลิ้นน้ำลาย


อ้อแอ้เจ้าออดอ้อน         จำนรรจ์

แย้มยั่วกับเงาฝัน             แม่ซื้อ

พลิกตัวดุกดิกพลัน        ร้องเพรียก

ตื่นหลับเฝ้ายุดยื้อ           หยอกเย้าเยาวมาลย์


กำ-ดม-อม-หม่ำ- ขี้         จิ้งจก

รอยทุกข์แห่งทารก        ห่อนร้าง

ผิด-ชอบ-ชั่ว-ดี หมก      หมมหมด

กรรมเก่ากรรมใหม่สร้าง     แทรกซ้ำผสมผเส


จำแลงมาจากฟ้า             พรหมจรรย์

โอ! เทพธิดาสวรรค์       สู่ด้าว

ประติมาช่างแต่งสรร     งามเสก

จากกระหม่อมจรดเท้า   จูบเจ้าตลอดกาย


ตา-หู-คาง-ปาก-คิ้ว          งามพิศ

เหมือนพ่อหน่อยแม่นิด  เสน่ห์ล้ำ

ดังเงาแห่งชีวิต                 วัยเด็ก

ฉายชัดทุกภาพย้ำ            กว่ารู้เดียงสา


ปุษปะคลี่กลีบแย้ม          ยวนจันทร์

ชูช่อรสสุคันธ์                 ชื่นช้อย

บานแบ่งเบิกรับขวัญ      อาคันตุกะ

สมาชิกตัวน้อยน้อย        เชื่อมร้อยมรคา


เจ้าเกิดมาใต้ร่ม                รุกขโพธิ์

เลือกเผ่าพงศ์ภิญโญ        หน่อเนื้อ

สังสารวัฏนานโข            ร่วมฝ่า ข้ามนา

เร่งปลูกบุญสืบเชื้อ          ชาติสิ้นภพสูญ.

นิราศลูก

นิราศลูก


โคลงสี่สุภาพ




มองดาวแม่หลั่งน้ำ           เนตรไหล

ลูกรักเป็นไฉน                 ป่านนี้

จารกวีจากเมืองไกล        หมายกล่อม

ฝันว่าชวนลูกชี้                ชื่นด้าวชมเดือน


ใครใครกอดลูกแก้ว        เคียงกัน

แม่กลับพรากจอมขวัญ   จากคล้อย

ภาระมากเกินพรรณ-       นาหมด

ขอฝากเจ้าหญิงน้อย        แนบฟ้าดินเขนย


เติบโตในอุ่นอ้อม           อกตะวัน

มีแม่ผิดสามัญ                 มนุษย์แม้น

เดินทางท่องสวรรค์        ถึงนรก

หมองหม่นทุกข์แร้นแค้น       มุ่งค้นคติหมาย


สัญจรเหนือจรดใต้         ดังนก

ตะวันออก-ตะวันตก      เตร็ดร้าง

วิถีแห่งปริพาชก ไร้ถิ่น  ฐานเฮย

จารจรดบทกวีสร้าง        สืบไว้วรรณศิลป์


ประสบการณ์กระหวัดร้อย      รินโคลง

หวานร่ำฉ่ำชื่นโยง           รสช้ำ

แผ่วโผยสู่ผางโผง           ทุกผัส สะแฮ

จังหวะไป่เคยซ้ำ              หลากล้านเรื่องเห็น




บางครั้งเจ้าอยู่ด้วย          บิดา

ชนเผ่าจากดอยผา           พี่เลี้ยง

ศิลปินอุบาสิกา               ล้อมกอด

แขกฝรั่งช่วยกล่อมเกลี้ยง        คดข้าวป้อนนม


บางหนแม่หอบหิ้ว          ลูกกระเตง

ตะลอนแดดปุเลงปุเลง         ร่วมด้วย

เดือนตกลูกล้มเขลง             นอนตัก

ดึกดื่นชีพแทบม้วย              ชุบด้วยมือธิดา


พานพบคนแปลกหน้า        เนืองนอง

ราวเด็กไร้เจ้าของ                เร่คว้าง

คือสนามค่ายทดลอง          เรียนลัด

ขอบจักรวาลไกลกว้าง       กว่านี้เกินคะเน


กินง่ายอยู่ง่ายไร้              ปัญหา

ไป่เลือกรสสรรพา          เผ็ดร้อน

ผูกมิตรกับพารา              รักแผ่

เว้นแต่ยามค่ำอ้อน          ยากโอ้โลมนอน


ไยแม่ชอบเริดร้าง           ลูกฉงาย

สำรวจซากปรักสลาย     สถูปร้าง

จากท้องถิ่นกำจาย          สู่โลก

กอบเศษดินหินสร้าง      ซ่อมหน้าตำนานแซม


มิใช่ว่าแม่นี้                  มุ่งงาน

แท้ทุ่มจิตวิญญาณ       เพื่อเจ้า

เราต่างก็สาธารณ์        ไร้ราก

แทนทดแผ่นดินเหง้า       เผ่าเบื้องบรรพชน




ลึกลึกอยากใกล้ลูก          มิคลาย

แม่แบกพันธะหมาย        ไขว่คว้า

เมืองที่ลูกเกิดกาย            ถูกกลบ

แม่หาบคอนบ่าล้า           พลิกฟ้าคว่ำดิน


มีแม่เป็นแบบก้าว              เดินตาม

จักหล่นไกล-ใกล้ ถาม     ลูกไม้

ฝังรากผลิดอกงาม            อนาคต

มิวาดมิหวังไว้           มอบเจ้าตัดสิน


ชีวีแม่เฉกด้วย           เดียวกัน

ใครขีดชะตาสรร      เสกให้

เดินทางเสาะหาฝัน  ทุกซอก

เจ้าจักเป็นลูกไม้       ห่างใกล้ไกลเสมือน


อยากตามรอยแม่แม้น       มรคา

ยิ่งใหญ่ใช่ยศถา            กระหยิ่มเย้า

เสียสละรักศรัทธา        มนุษยชาติ

คุณค่าในตัวเจ้า             แจ่มแจ้งศักดิ์ศรี


กินเดินนอนนั่งก้าว             สติตรอง

ทุกขณะประคับประคอง     จิตตั้ง

อำนาจแห่งเงินทอง             ห่อนเที่ยง

ปราดเปรื่องปัญญาทั้ง         มิตรแท้ธรรมถวิล


พลังจิตเจ้าแกร่งกล้า          เกินวัย

ไม่ติดแม่เสมอไป              ห่างบ้าง

เป็นภูมิปกคุ้มภัย                คราพราก

รักลูกมิลาร้าง                    โปรดรู้รักนิรันดร์




หวานใจของแม่นี้              หนึ่งเดียว

มัดจิตกระหวัดเกลียว        แม่ใกล้

ไกลหนคะนึงเหลียว         หาลูก

ฝันกอดนอนแนบไคล้      ค่ำนี้ขับนิทาน


ใจแม่เพิ่งรู้จัก                    ความหวาน

มอบหมดกมลมาน           มิ่งแก้ว

เพียงคิดจิตเบิกบาน          บริสุทธิ์

คำตอบค้นพบแล้ว           รักนั้นคือไฉน


เจ้าสอนแม่ลิ้มรส              บทเรียน

คาวหื่นทั้งคลื่นเหียน       คับท้อง

เก้าเดือนดุจเปลวเทียน     ทอปลั่ง

แม้ร่างอันงามต้อง            เคลื่อนคล้อยครรโภทร


เกิดมารู้ค่าคุ้ม                   ของมนุษย์

บรรลุถึงที่สุด                   ปวดร้าว

รอดตายอย่างหวิดหวุด    ร้องหวีด

หลังคลอดเหมือนฝ่าก้าว   ฝั่งพ้นกรรมหญิง


         รอยยิ้มบรรเจิดจ้า           เยือกใจ

หวานกว่าดาริกาไหว              สว่างด้าว

ความทุกข์ยากครรเจเครรไล  ยิ้มลูก

ชโลมอาบหทัยร้าว                  แม่ไร้ระทมแรม


จึงเขียนโคลงบทนี้        แด่ขวัญ

รู้ว่าลูกรอวัน                 แม่ไคล้

กลับมาร่วมดื่มฝัน        อุดมคติ

พลังรักผลักแรงให้       แม่ร้อยกวีหวาน.

วัฒนธรรมแม่

วัฒนธรรมแม่

กลอนสุภาพ

ลูกสาวจ๋าอายุเจ้าเข้าสามขวบ

ยังดูดนมอิ่มอวบจากอกแม่

ถึงวัยหย่านมแล้วอย่างอแง

แต่ช้าแต่...แต่นี้ไปใช่ทาริกา

หรืออยากลิ้มบอระเพ็ดอันเข็ดขม

ยามเจ้าดื่มน้ำนมได้ร้องจ้า

ไม่ต้องการแกล้งเจ้า ดอกแก้วตา

โปรดเถิดหนา หย่านมแม่นะคนดี

ตามใจลูกมาตลอดไม่เคยขัด

ทั้งเคี้ยวกัดอำเภอใจจนจั๊กจี้

เหลือแต่หางน้ำนมใช่อิ่มพี

ดูท่าทีคล้ายเจ้าดูดเอามัน

ไม่เคยเว้นทุกหับห้องกลางท้องถนน

ท่ามฝูงชนชนบนเวที นี่แม่ฉัน

เจ้าเปิดเสื้อแม่ต่อหน้าธารกำนัล

ร้องเสียงลั่น กินนมแม่! นมแม่! กิน!

วิงวอนเจ้าเท่าใดไป่รู้เรื่อง

จำต้องเปลื้องเต้าให้ใช่ใจหิน

จากสนามฟุตบอลถึงเครื่องบิน

จนพลัดถิ่นเมืองไทยไกลบ้านมา

ยังขอเปิดนมกินกลางรถไฟ

ถึงร้องไห้...อย่าพึงหวังดังปรารถนา

ครั้งนี้แม่ใจเด็ดกว่าทุกครา

ไม่ต้องบีบน้ำตาในต่างแดน

นี่ไม่ใช่วัฒนธรรมของบ้านเรา

พอเถอะเจ้า! อย่าร่ำไรให้ขุ่นแค่น

ฝูงฝรั่งมังค่าเขาดูแคลน

น้ำตาเจ้าชุ่มแขนแม่จักทน

ใจแม่แทบแหลกสลายแล้วหนอเจ้า

เอาเถิดเอา! ยอมเปิดเต้าให้อีกหน

วัฒนธรรมใดในสากล

ฤๅจักข้นท้นเปี่ยมเทียมมารดา.

น้ำตายโสธรา

น้ำตายโสธรา

โคลงสี่สุภาพ

ธาราฤๅหยั่งรู้ ยโสธรา

รินร่ำหลั่งน้ำตา ไป่แห้ง

โหยหวนสุดเทวษหา สิทธัตถะ

ทรวงอกน้องเหือดแล้ง แหลกแล้วพี่เอย

ความรักแรกเริ่มต้น แตกกอ

ยังบ่ทันเคลียคลอ ลูกน้อย

เรือนหอเพิ่งร่วมหอ เหินห่าง

อุ้มลูกตามติดต้อย อย่าทิ้งยโสธรา

น้ำตาน้องท่วมฟ้า ฟูมฟาย

กัณฐกะควบลับหาย ห่างหล้า

ไม่ตายก็เหมือนตาย ใจแตก สลายเฮย

ทารกต้องกำพร้า ไป่รู้ชะตากรรม

น้องเลวน้องชั่วช้า กระไรฤๅ

ความผิดอันใดหรือ จึ่งร้าง

สัญญาบ่ยึดถือ เลือดขัต ติยานา

กุศลก่อนเราร่วมสร้าง สุดสิ้นกรรมไฉน

น้ำตารินราดแก้ม ราหุล

โอ๋ พ่อเจ้าประคุณ ยั่วยิ้ม

มิรู้ดอกหรือบุญ ขวัญแม่

ชีพลูกมิทันลิ้ม ชวดแล้วบิตุรงค์

อับอายทั่วแผ่นฟ้า ผืนดิน

ชนหมิ่นแคลนติฉิน แม่หม้าย

เทวีแห่งนครินทร์ เลอลักษณ์

ความรักสิโหดร้าย บ่แม้นสามัญ

พี่ยามุ่งบ่ายหน้า แสวงบุญ

แต่อกน้องดั่งจุณ โปรดรู้

อาลัยสวาทละมุน สวามิราช

กลับบอกให้น้องสู้ ฝ่าสิ้นกระแสกรรม

พี่ไปเพื่อเสาะค้น ปัญญา

เพลิงแห่งปรารถนา หลุดพ้น

อภัยแด่ภัสดา ด้วยเถิด

ชลเนตรพลอยขุ่นข้น อย่าร้องเลยขวัญ

น้ำตาทุกหยาดสร้าง กามภพ

เกิด-ดับมิรู้จบ จิตเจ้า

ชาตินี้ปิดฉากรบ และฉาก รักเทอญ

สิ้นสุดแห่งกองเถ้า อย่าเศร้ายโสธรา

น้องทุกข์พี่ทุกข์ด้วย ดั่งเดียว

บ่วงแห่งราหุลเรียว รัดร้อย

ใช่ทิ้งทอดแท้เทียว อุทิศทุ่ม ธรรมนา

แม้จากไกลไป่คล้อย จักย้อนคืนเยือน

ยกมือขึ้นปาดน้ำ ตาคะนึง

ฝืนข่มความคิดถึง กระอักท้น

ปางตายแต่ยังตรึง ใจตรึก ตรองเฮย

รอพี่เพียรหลุดพ้น เทศน์น้องอริยธรรม.