วันอังคารที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ปัญจอัปสรา ดุริยางคกวี

ปัญจอัปสรา ดุริยางคกวี

๑ โคลง : ซอ

ผองเราคือพี่น้อง กวิณี

ปัญจอัปสรศรี เสกสร้าง

ดุริยางคกวี หวังกล่อม

ขอฝากฉันทลักษณ์ค้าง คู่หล้าโลมขวัญ

โคลงเปรียบซอโอดเอื้อน ถวิลหา

ตรึงตรับวิจิตรา สง่าสร้อย

อลังการแห่งอหังการ์ ซอกรีด

ยุรยาตรลีลาย้อย หยาดแย้มเพ็ญพญา

โคลงสอนให้เลือกร้อย เรียงคำ

คัดกลุ่มกำหนดตำ แหน่งคล้าย

เรียนรู้ตัดแต่งลำ ต้นกิ่ง รากแล

ใบลิดปลิดดอกย้าย วรรคเยื้องวลีแปลง

ยิ่งจารยิ่งเจิดแจ้ง ใจกวิน

เลิศสุดเวิ้งวรรณศิลป์ ลึกซึ้ง

อัปสรร่ายซอริน อักษระ

หวานว่าหวานน้ำผึ้ง พ่ายแพ้โคลงหวาน

๒ กลอน : พิณ

น้ำเสียงกลอนอ่อนเอื้อนเหมือนพิณสรวง

กรีดทะลวงทะลุหล้าสุธาสวรรค์

อารมณ์กลอนอ้อนออดพลอดรำพัน

กล่อมโลกฝันทรวงกรุ่นเต็มสุนทรีย์

พิณประกายพร่างสายท้าทายโสม

ส่องบรรโลมห่มมนัสด้วยรัศมี

พิณคือน้ำเสียงต้นของดนตรี

เป็นศูนย์รวมมโหรีอุปรากร

มาจะขับเสภาให้โลกเคลิ้ม

ด้วยคำหยาดหวานเยิ้มเติมอักษร

อัปสราอกร้าวอยู่รอนรอน

วิเวกวอนกลอนแก้วแว่วเพลงพิณ

๓ กาพย์ : ปี่

รสกาพย์เหมือนรสแกง ประจักษ์แจ้งเมื่อกลืนกิน

ยามใดได้ยลยิน กำซาบลิ้นกลิ่นนาสา

คำกาพย์คือปี่แก้ว ผะโผยแผ่วลำนำพา

เร้ารุกปลุกวิญญาณ์ ลีลากาพย์อาบหฤทัย

จังหวะกระชั้นถี่ ระเรื่อยรี่ราวปี่ไฉน

เสียงเรียมฤๅเสียงใคร คล้ายเสียงไห้ไกลห่างนวล

อัปสรร่ายเพลงปี่ กาพย์ยานีศรีกำสรวล

ฉบังยิ่งฟังครวญ ครางจิตเศร้าเจ้าร้างเรียม

๔ ฉันท์ : ระนาด

อีทิสังข์ฉันท์ ๒๐

กลกวีกระหวัดหทัยบ่เทียม

ประจักษ์ประเจิดประจงตระเตรียม ประดิษฐ์ฉันท์

รัวระนาดเสนาะสำเนียงสวรรค์

ฉลักเฉลาพิถีพิถัน วลีงาม

ฉันท์ประหนึ่งระนาดประเลง ณ ยาม

กวีถวิลวิจิตระวาม ผลิอักษร

ดิ่ง ณ ห้วงภิรมยะรสอมร

เพราะฉันท์สิเปรียบคิตาปกรณ์ ประกายใส

๕ ร่าย : ฉาบ

อีกอนงค์นางฟ้า คนที่ห้าท้ายสุด

เธอร่วมจุดไฟฝัน ปลุกสีสันแด่ร่าย

ให้งามง่ายหายคร่ำ ไม่โบร่ำโบราณ

แค่โองการแช่งน้ำ ลิลิตช้ำเพื่อนแพง

ชนหน่ายแหนงไป่ชื่น ร่ายต้องรื่นรวยริน

ดุจโฉมฉินลั่นฉาบ เสียงซึมซาบอาบอิ่ม

รสกระหยิ่มคอยยั้ง นานนานครั้งสักที

เป็นกวีทางเลือก เปิดเปลือกนอกในแผ้ว

เสียงเพลงฉาบเพริศแพร้ว ร่วมสมัย.

1 ความคิดเห็น: